ผู้เขียนและเรียบเรียง: เด็กหญิงวังน้ำเขียว
ผลที่ตามมาทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งนายทุนในประเทศและต่างประเทศที่รุกล้ำที่ดินทั้งในเขตป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติ
เพื่อทำที่พักตากอากาศรีสอร์ท รวมทั้งปลูกพืชสวนทางการเกษตร
แต่การบังคับใช้กฎหมายกับบุคลเหล่านี้กลับทำได้ยาก
เพราะมีทั้งเงินทุนและความสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจ อิทธิพลต่างๆ
นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะสู้คดีจนถึงที่สุด
แม้ว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลให้รื้อถอนหรือให้เลิกดำเนินการก็ยังฝ่าฝืนต่อไป
โดยอาจกล่าวได้ว่า
ผู้บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน
ที่สร้างบ้านพักตากอากาศและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานและเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ที่ได้ถูกดำเนินคดี จนกระทั่งศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
ยังคงไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา และยังอยู่ในพื้นที่พิพาท โดยยังคงใช้สิทธิทางศาล
โดยนำคดีไปฟ้องยังศาลปกครอง เพื่อขอทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครอง
เพื่อชะลอการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน
นอกจากนี้ในกรณีที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้กระทำผิด
เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหานั้นไม่ครบองค์ประกอบความผิดเนื่องจากขาดเจตนาบุกรุก
หรือด้วยเหตุผลที่ว่าราษฎรอยู่ในพื้นที่โดยได้รับการผ่อนปรนให้เป็นที่ทำกินตามมติคณะรัฐมนตรี
ปัญหาที่ตามมาคือ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานถูกฟ้องกลับทั้งข้อหาบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์
หน่วงเหนี่ยวกักขัง เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ตามประมวลกฎหมายกฎหมายอาญา ทั้งที่บุคคลเหล่าอยู่ในพื้นที่ของอุทยานโดยไม่มีสิทธิ
การที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือศาลยกฟ้อง เป็นเพียงการขาดเจตนาบุกรุก
มิใช่ว่าบุคคลเหล่านั้นมีสิทธิอยู่ในเขตอุทยานแต่ประการใด
แม้ว่ากรมอุทยานแห่งชาติฯ
ได้จัดพนักงานอัยการ เป็นทนายความแก้ต่างให้กับเจ้าหน้าที่ที่ถูกฟ้องคดีอาญา
เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
แต่เป็นสิ่งสมควรแล้วหรือไม่ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างพากเพียรแทนที่จะได้รับการยกย่อง
กลับต้องมาได้รับผลของการปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ ถูกฟ้องข้อหาบุกรุก
ทั้งที่เป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เอง หรือถูกฟ้องทำให้เสียทรัพย์
ทั้งที่เป็นหน้าที่ซึ่งต้องกระทำตามกฎหมาย
แน่นอนว่ากฎหมายย่อมผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมและคุ้มครองผู้ที่กระทำตามกฎหมาย
แต่การถูกฟ้องคดีเป็นจำนวนมาก ทั้งการเสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางไปศาลนั้น
ย่อมบั่นทอนกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานเป็นอย่างมาก
กว่าศาลจะมีคำพิพากษาเพื่อเป็นบรรทัดฐานในการคุ้มครองเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดอาจหมดทั้งแรงกาย แรงใจ
ในการปกป้องผืนป่า
ถึงเวลาแล้วหรือไม่
ที่คนไทยจะลุกขึ้น ร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยเจ้าหน้าที่กรมุอุทยานฯในการรักษาผืนป่า
ด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการเลิกอุดหนุนรีสอร์ทซึ่งทำการบุกรุกพื้นที่อุทยาน สร้างมาตรการทางสังคมขึ้น
เพื่อเป็นอีกแรงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการเข้ารื้อถอนรีสอร์ทที่บุกรุกอุทยานฯ
หากประชาชนยังเข้าพัก การที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายย่อมยากลำบาก
และหากไม่อาจบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สังคมไทยจะอยู่อย่างมั่นคงได้อย่างไร
สุดท้ายแล้ว…สังคมไทยจะต้องไม่ทอดทิ้งเจ้าหน้าที่
ให้สมกับที่เจ้าหน้าที่ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ รักษาผืนป่าไว้ให้แก่ปวงชนชาวไทยทุกคนอย่างสุดความสามารถ
เข้าไปเยี่ยมชมเพจเที่ยวไทยอุ่นใจ ไม่ทำร้ายป่า ทาง facebook ของเราได้ที่ : http://www.facebook.com/pages/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2/192501247557786
อ้างอิง: ข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น